เปรียบเทียบเฉดสีที่ดวงตามองเห็น กับ หน้าจอคอม มือถือ และเครื่องปริ้น

ทำไมเฉดสีที่ดวงตาเห็น กับหน้าจอคอม มือถือ กับ เครื่องปริ้น พิมพ์ออกมาจริงถึงไม่เหมือนกัน?

เฉดสีที่ดวงตามองเห็น

ในยุคที่ทุกอย่างถูกออกแบบและแสดงผลผ่าน “หน้าจอ” ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ มือถือ หรือแท็บเล็ต หลายคนอาจเคยเจอปัญหาสุดคลาสสิก — “สีในจอสวยมาก แต่พอปริ้นออกมา สีเพี้ยน หม่น หรือมืดไป!”

ความจริงแล้ว เฉดสีที่ดวงตา มองเห็นจากตา สีที่แสดงบน หน้าจอคอม และสีที่พิมพ์ออกมาจาก เครื่องปริ้น ออกมาบนกระดาษนั้น ไม่เหมือนกันโดยธรรมชาติ เพราะระบบการสร้างสีของแต่ละอุปกรณ์แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง บทความนี้จะพาไปรู้จัก “เหตุผลทางวิทยาศาสตร์และเทคนิค” ที่อยู่เบื้องหลัง พร้อมแนวทางแก้ไขให้สีที่พิมพ์ออกมาใกล้เคียงกับสีที่เห็นในจอมากที่สุด


👁️ 1. ดวงตาของมนุษย์และการมองเห็นเฉดสี

มนุษย์สามารถมองเห็นสีได้จากการรับรู้ “แสง” ที่สะท้อนจากวัตถุเข้าสู่ดวงตา โดยช่วงคลื่นแสงที่ตามนุษย์มองเห็นได้ (Visible Light Spectrum) อยู่ระหว่าง 380 – 700 นาโนเมตร ซึ่งครอบคลุมสีตั้งแต่ ม่วง → น้ำเงิน → เขียว → เหลือง → แดง

ตารางเฉดสีที่ดวงตามองเห็น

ภายในดวงตาเรามีเซลล์รับแสงสองชนิดหลัก ได้แก่

  • Rod Cells (เซลล์แท่ง) – ใช้ในการมองเห็นในที่มืด แยกสีไม่ได้
  • Cone Cells (เซลล์กรวย) – ใช้ในการมองเห็นสีในที่สว่าง มีอยู่ 3 ชนิด

Cone cells แบ่งเป็น

  • เซลล์ที่ไวต่อแสงสีแดง (L-cone)
  • เซลล์ที่ไวต่อแสงสีเขียว (M-cone)
  • เซลล์ที่ไวต่อแสงสีน้ำเงิน (S-cone)

เมื่อแสงจากวัตถุต่าง ๆ เข้ามากระทบตา เซลล์ทั้งสามจะส่งสัญญาณประสาทไปยังสมอง สมองจะ “ผสม” สัญญาณเหล่านั้นจนกลายเป็นสีที่เรามองเห็นได้ เช่น หากกระตุ้นเซลล์สีแดงและเขียวพร้อมกัน เราจะเห็นเป็นสีเหลือง เป็นต้น

นี่คือที่มาของระบบสี RGB (Red, Green, Blue) ซึ่งเป็นพื้นฐานของ “การสร้างสีด้วยแสง” และเป็นระบบเดียวกับที่ใช้ในหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์


💻 2. สีบนจอคอมพิวเตอร์

จอคอมพิวเตอร์สร้างสีจาก “แสง” โดยตรงผ่าน ระบบ RGB (Red, Green, Blue) แต่ละพิกเซลของหน้าจอจะประกอบด้วยหลอดไฟเล็ก ๆ 3 ดวง คือ แดง เขียว น้ำเงิน เมื่อเปิดและผสมในระดับต่าง ๆ จะเกิดเป็นสีหลายล้านเฉด ตัวอย่างเช่น

เฉดสีที่ดวงตามองเห็น หน้าจอคอม
  • แสงแดง + เขียว = เหลือง
  • แสงแดง + น้ำเงิน = ม่วง
  • แสงเขียว + น้ำเงิน = ฟ้า
  • แสงทั้งสามรวมกัน = สีขาว

ระบบ RGB เรียกว่า Additive Color Model เพราะยิ่งเพิ่มแสงมากเท่าไหร่ สีจะยิ่งสว่างขึ้น

🔹 ปัจจัยที่ทำให้สีบนจอคอมต่างกัน

  1. ประเภทของหน้าจอ – จอ IPS, LED, OLED หรือ AMOLED มีความสามารถในการแสดงสีไม่เท่ากัน
  2. โปรไฟล์สี (Color Profile) – จอทั่วไปใช้ sRGB แต่จอระดับมืออาชีพใช้ Adobe RGB หรือ DCI-P3 ซึ่งให้ช่วงสี (Color Gamut) กว้างกว่า
  3. การตั้งค่าอุณหภูมิสี (Color Temperature) – ถ้าตั้งค่าหน้าจอให้โทนอุ่น สีจะออกเหลืองแดง ถ้าตั้งค่าเย็น สีจะออกฟ้า

ดังนั้น สีที่เห็นบนจอคอมอาจสว่าง สด หรือเข้มกว่าสีจริงที่พิมพ์ เพราะจอคอมแสดง “แสงที่เปล่งออกมา” ไม่ใช่ “สีที่สะท้อนกลับจากกระดาษ”


📱 3. สีบนหน้าจอมือถือ

มือถือในปัจจุบันใช้เทคโนโลยีจอแบบ OLED หรือ AMOLED ที่สามารถเปิดปิดพิกเซลแสงได้อิสระ จึงให้สีดำที่ลึกและสีสดที่เข้มกว่าจอคอมทั่วไป

หน้าจอมือถือมักใช้โปรไฟล์สี DCI-P3 หรือ HDR Display ที่แสดงเฉดสีได้กว้างมากกว่า sRGB ทำให้ภาพดู “สวยสด” แต่ในความเป็นจริงนั้น สีเหล่านี้อาจไม่ใช่สีจริงในไฟล์กราฟิก

แสงจากมือถือ

อีกทั้งระบบปฏิบัติการในมือถือ เช่น iOS และ Android ยังมี ระบบปรับสีอัตโนมัติ (Color Enhancement / Adaptive Display) ที่ปรับความอิ่มของสีตามแสงสว่างรอบตัว เพื่อให้จออ่านง่ายขึ้น เช่น

  • กลางแดด สีจะเข้มขึ้น
  • ในที่มืด สีจะดูอ่อนลง

ดังนั้น หากนักออกแบบดูสีจากมือถือโดยไม่ปิดระบบปรับอัตโนมัติ สีที่เห็นจะไม่ตรงกับจอคอม และแน่นอนว่าเมื่อส่งพิมพ์ สีที่ออกมาจะต่างจากที่คาดไว้แน่นอน


🖨️ 4. สีจากเครื่องปริ้น

เครื่องปริ้นไม่ได้สร้างสีจากแสง แต่สร้างจาก “หมึก” ที่พิมพ์ลงบนกระดาษ ซึ่งใช้ระบบสี CMYK (Cyan, Magenta, Yellow, Key/Black)

แสงกระทบเอกสารจากเครื่องปริ้น
ความแตกต่างของเครื่องปริ้น

ระบบนี้เรียกว่า Subtractive Color Model หรือ “สีเชิงลบ” หมายถึง การดูดซับแสงบางส่วนจากสีขาวของกระดาษ ตัวอย่างเช่น

  • สีฟ้า (Cyan) ดูดซับแสงสีแดง
  • สีม่วงแดง (Magenta) ดูดซับแสงสีเขียว
  • สีเหลือง (Yellow) ดูดซับแสงสีน้ำเงิน

เมื่อผสมทั้งสามสีเข้าด้วยกัน จะได้สีเทาหรือดำ (แต่ไม่ดำสนิท จึงต้องเพิ่มหมึก K เข้าไปเพื่อให้ได้ดำแท้)

ดังนั้น เมื่อไฟล์ที่ออกแบบในระบบ RGB ถูกส่งไปพิมพ์ เครื่องปริ้นต้อง “แปลงค่า” สีเหล่านั้นให้เป็น CMYK ก่อนพ่นหมึกลงบนกระดาษ ซึ่งกระบวนการนี้เองทำให้เฉดสีเปลี่ยนไป โดยเฉพาะสีสด เช่น

  • สีเขียวมะนาว → จะหม่นลง
  • สีฟ้าสด → จะกลายเป็นฟ้าคราม
  • สีแดงสด → จะเข้มขึ้นเล็กน้อย

⚙️ 5. ทำไมสีบนกระดาษไม่เหมือนในจอ?

มีหลายปัจจัยที่ทำให้สีที่พิมพ์ออกมาไม่ตรงกับสีบนหน้าจอ ได้แก่

1. ระบบสีต่างกัน (RGB vs CMYK)

RGB สร้างสีด้วย “แสง” ส่วน CMYK สร้างสีด้วย “หมึก” การเปลี่ยนจากระบบหนึ่งสู่อีกระบบทำให้ข้อมูลสีบางส่วนหายไป เพราะ CMYK แสดงสีได้ “น้อยกว่า” RGB ประมาณ 20–30% ของช่วงสีทั้งหมด

2. วัสดุของกระดาษ

กระดาษแต่ละชนิดมีคุณสมบัติสะท้อนแสงไม่เท่ากัน

วัสดุของกระดาษมีผล
  • กระดาษอาร์ตมัน → สีสด คม
  • กระดาษอาร์ตด้าน → สีอ่อนลง
  • กระดาษปอนด์ → สีหม่นและดูดซึมหมึกมาก

3. คุณภาพของหมึกพิมพ์

หมึกแท้หรือหมึกคุณภาพสูงให้สีตรงกว่าและทนต่อแสงแดด ส่วนหมึกราคาถูกมักเพี้ยนหรือซีดเร็ว

4. การตั้งค่าเครื่องปริ้นและโปรไฟล์สี

เครื่องปริ้นแต่ละรุ่นมีโปรไฟล์สีเฉพาะ การตั้งค่าผิด เช่น เลือกกระดาษไม่ตรงกับจริง หรือเปิดระบบ Auto Correction อาจทำให้สีเพี้ยน

5. การแปลงไฟล์จาก RGB → CMYK ไม่ถูกต้อง

โปรแกรมออกแบบเช่น Photoshop, Illustrator หรือ CorelDRAW มีหลายโหมดแปลงสี หากไม่ได้ตรวจสอบ Color Space ให้ตรงกับเครื่องพิมพ์ สีที่ได้อาจต่างจากต้นฉบับมาก


🧭 6. วิธีแก้ไขและควบคุมสีให้ตรง

เพื่อให้สีที่พิมพ์ออกมาสวยใกล้เคียงกับที่เห็นในจอมากที่สุด ควรทำตามแนวทางต่อไปนี้

  1. เริ่มออกแบบในโหมด CMYK ตั้งแต่แรก
    หากตั้งค่าโหมดสีในโปรแกรมออกแบบให้เป็น CMYK ตั้งแต่เริ่ม จะช่วยให้เราเห็นเฉดสีที่ใกล้เคียงกับผลลัพธ์จริงมากที่สุด
  2. คาลิเบรตหน้าจอ (Monitor Calibration)
    ใช้เครื่องมือคาลิเบรต เช่น X-Rite หรือ Spyder เพื่อปรับค่าหน้าจอให้แสดงสีตรงกับมาตรฐานจริง
  3. ใช้โปรไฟล์สีเดียวกัน (ICC Profile)
    ควรใช้ไฟล์โปรไฟล์เดียวกันระหว่างคอมพิวเตอร์และเครื่องพิมพ์ เช่น sRGB หรือ Adobe RGB เพื่อให้ระบบตีความสีตรงกัน
  4. ทดสอบพิมพ์ก่อน (Proof Print)
    พิมพ์ตัวอย่างงานจริง 1 ชุดเพื่อเทียบเฉดสี แล้วปรับแก้ก่อนพิมพ์จำนวนมาก วิธีนี้ร้านพิมพ์มืออาชีพนิยมใช้มากที่สุด
  5. เลือกวัสดุให้เหมาะสมกับงาน
    หากต้องการสีสดชัด ควรเลือกกระดาษอาร์ตมันหรือกระดาษโฟโต้คุณภาพสูง ส่วนงานเอกสารทั่วไปใช้กระดาษปอนด์ได้
  6. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านงานพิมพ์
    ร้านปริ้นเอกสารหรือโรงพิมพ์ที่มีระบบจัดการสี (Color Management System) จะช่วยควบคุมเฉดสีให้ใกล้เคียงกับต้นฉบับมากที่สุด
วิธีแก้ไขและควบคุมสีให้ตรง

🧩 7. ตัวอย่างความแตกต่างของสีระหว่างจอกับงานพิมพ์

สีที่เห็นในจอ (RGB)สีที่พิมพ์จริง (CMYK)ลักษณะความแตกต่าง
เขียวมะนาวสดเขียวหม่นออกเหลืองสีซีดลงเพราะ CMYK ไม่สามารถสร้างสีเขียวสดได้
ฟ้าอ่อนสดใสฟ้าอมเทาหมึกฟ้าไม่สะท้อนแสงเท่าจอ
แดงสดแดงเข้มหรือส้มสีแดงเพี้ยนเพราะหมึก Magenta และ Yellow ผสมไม่ถึงระดับความสดของแสง
ม่วงสว่างม่วงเข้มหรืออมแดงCMYK ไม่สามารถสร้างม่วงสว่างได้เต็มที่

📚 8. ความเข้าใจเรื่อง “เฉดสี” สำหรับนักออกแบบและร้านปริ้น

การเข้าใจหลักการของ RGB และ CMYK เป็นเรื่องสำคัญสำหรับนักออกแบบทุกคน เพราะสีคือภาษาที่ส่งผลต่อความรู้สึกของผู้ชมโดยตรง หากออกแบบโดยไม่รู้ระบบสี ผลลัพธ์ที่พิมพ์ออกมาจะไม่เหมือนในจอแน่นอน

สำหรับร้านปริ้นเอกสารหรือโรงพิมพ์มืออาชีพ มักมีบริการ ปรับเฉดสีและทดสอบพิมพ์จริง (Color Proofing) เพื่อให้ลูกค้าเห็นว่าสีจริงจะออกมาเป็นอย่างไรก่อนพิมพ์จำนวนมาก ซึ่งช่วยลดความผิดพลาดและความเสียหายจากการพิมพ์ซ้ำได้มาก


🌈 9. สรุป: ความต่างของ “สีแสง” และ “สีหมึก”

ประเภทระบบสีแหล่งกำเนิดลักษณะของสีตัวอย่างอุปกรณ์
สีที่ตาคนมองเห็น / จอคอม / มือถือRGB (สีแสง)แสงเปล่งออกจากจอสด สว่าง มีคอนทราสต์สูงหน้าจอมือถือ, คอมพิวเตอร์, ทีวี
สีจากเครื่องปริ้นCMYK (สีหมึก)แสงสะท้อนจากกระดาษสีอ่อนลง หม่นกว่าเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท, เครื่องพิมพ์เลเซอร์

🎯 บทสรุปสุดท้าย

เฉดสีที่ดวงตา ของเรามองเห็นบน หน้าจอคอม พิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ กับสีที่ เครื่องปริ้น พิมพ์ออกมาจากเครื่องปริ้นนั้น แตกต่างกันโดยธรรมชาติ เพราะระบบการสร้างสีไม่เหมือนกัน — จอใช้ “แสง” (RGB) ส่วนเครื่องปริ้นใช้ “หมึก” (CMYK)

ดังนั้น การเข้าใจระบบสีจึงเป็นพื้นฐานสำคัญของทั้งนักออกแบบและผู้ใช้งานทั่วไป เพื่อให้สามารถคาดการณ์ผลลัพธ์ของงานพิมพ์ได้อย่างแม่นยำ ไม่เสียเวลาแก้ไข และได้งานพิมพ์ที่มีสีสันสวยงาม ตรงตามจินตนาการมากที่สุด


ตัวอย่างงานปริ้นสีด้วยระบบปริ้นสีเลเซอร์ Click!

You may also like...